sa'lahmade

ภูตะวัน

จากครอบครัวสู่แรงบันดาลใจ

    คุณเพชรรัตน์(เจี๊ยบ) และคุณสุจิต(ตี๋) ฉินยี่  ผู้ก่อตั้งแบรนด์ “ภูตะวัน” บอกเล่าให้ฟังอย่างอารมณ์ดีว่าชื่อแบรนด์มีที่มาจากชื่อของลูก ซึ่งก่อนที่จะมาเป็นแบรนด์นี้ คุณเจี๊ยบย้อนหลังให้ฟังว่า เธอเติบโตมาในครอบครัวคนทำงานหัตถกรรมตั้งแต่รุ่นคุณปู่ คุณย่า สืบต่อมาจนถึงรุ่นคุณแม่ที่ทำเฟอร์นิเจอร์ไม้สัก ที่บ้านถวาย เมื่อเรียนจบเธอไปหาประสบการณ์ด้วยการทำงานหลายอย่างในเมืองเชียงใหม่ ทั้งทำร้านเกมส์ และค้าขายอื่นๆ จนวันหนึ่งเมื่อต้องกลับไปอยู่บ้าน ด้วยความที่เติบโตมาในครอบครัวคนที่ทำงานคราฟต์ เหมือนได้รับการถ่ายทอดทางดีเอ็นเอโดยสายเลือด เจี๊ยบเริ่มรู้สึกว่ามีความชอบและอยากทำงานคราฟต์ กอรปกับคุณตี๋คู่ชีวิตก็เป็นศิลปินที่สร้างสรรค์งานอาร์ต เป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทั้งสองคนเริ่มสร้างแบรนด์ “ภูตะวัน” ขึ้นมา

ช่วงเริ่มต้นและค้นหาตัวตน

    แต่เธอเองก็มีเหตุผลในการที่จะไม่เลือกทำงานเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่เหมือนที่ครอบครัวทำมาก่อน เพราะวัตถุดิบหลักคือไม้เริ่มหายาก และมีปัญหาหลายอย่างทั้งใบอนุญาตและการส่งออก แต่ที่สำคัญที่สุดเธอมองว่ากว่าต้นไม้ต้นหนึ่งจะเติบโตใช้เวลานานมาก เธอจึงใช้เพียงเศษไม้ที่เหลือจากการทำเฟอร์นิเจอร์ มาทำเป็นสินค้าชิ้นเล็กๆ อย่างแจกัน กล่องใส่เครื่องประดับ กล่องใส่ทิชชู เชิงเทียน เป็นต้น และด้วยร้านของเธออยู่ในบ้านถวายแหล่งจำหน่ายงานสินค้าของแต่งบ้าน ของที่ระลึกที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเชียงใหม่ โจทย์ที่ท้าทายคือทำอย่างไรให้สินค้าของภูตะวันแตกต่าง ขณะเดียวกันคุณเจี๊ยบก็มองหาวัตถุดิบใหม่ที่หาง่าย เติบโตเร็ว ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม  โดยเฉพาะวัตถุดิบที่จะสามารถนำมาสร้างสรรค์ Eco Product ได้ วันหนึ่งเธอดูรายการทีวีเห็นคนใช้ใบบัวที่มีการย้อมสีที่หลากหลายมาห่อสิ่งของแทนกระดาษ จึงเกิดแรงบันดาลใจที่อยากนำเอาใบบัวมาใช้กับงานเดิมที่ทำอยู่ คือนำมาตกแต่งทับบนงานไม้อีกชั้นหนึ่ง เริ่มจากสั่งซื้อใบบัวจากผู้ผลิตแต่ก็เกิดปัญหาเรื่องคุณภาพที่ไม่สม่ำเสมอ จึงหาซื้อแต่ใบบัวและนำมาทดลองและหาวิธีในการย้อมสี วิธีการรักษาให้ใช้งานได้นาน  “ใช้เวลาอยู่นานพอสมควรและ ใช้ใบบัวในการทดลองไปเยอะมากเป็นหมื่นๆ ใบ กว่าจะได้คุณภาพที่เราพอใจ ถึงตรงนี้เราก็ทำเรื่องใบบัวมา 18 ปีแล้วค่ะ ”

ลูกค้าคือเพื่อน

    สินค้าที่ทำอยู่ไปได้ดีทั้งการจำหน่ายปลีกและส่งออกไปยังต่างประเทศ เมื่อฐานลูกค้ากว้างขึ้น ลูกค้าบางคนค้าขายกันนานจนกลายเป็นเพื่อน สินค้าใหม่ๆ บางรายการก็เกิดจากการให้คำแนะนำจากเพื่อนหรือพันธมิตรทางการค้า บางครั้งเขาก็จุดไอเดียว่าทำไมไม่ลองทำแบบนั้น แบบนี้ บางอย่างที่เขาแนะนำแล้วเราสนใจ เราก็นำมาคิดต่อและทดลองทำ เช่น Wall Art ที่ทำจากใบบัว ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นสินค้าหลักและเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ภูตะวันไปแล้ว มีทั้งลูกค้าซื้อไปตกแต่งทั้งบ้าน โรงแรม และสอร์ท 

คุณภาพคือหัวใจหลักของงาน

   คุณเจี๊ยบกล่าวอย่างน่าสนใจว่า การควบคุมคุณภาพเป็นเรื่องสำคัญ สินค้าของเราไม่ใช่เพียงติดแบรนด์ภูตะวันแต่เพียงอย่างเดียว แต่ เรายังมีคำว่า Made In Chiang Mai หรือ Made In Thailand การันตีไปด้วย ซึ่งนั่นทำให้เรายิ่งต้องควบคุมคุณภาพเพื่อรักษาหน้าตาของสินค้าของประเทศไทยให้มากยิ่งขึ้นด้วย ประกอบกับตัวเธอเองเป็นโรคภูมิแพ้ ต้องอยู่กับขบวนการผลิตตลอดเวลา ทำให้ต้องใส่ใจในการเลือกใช้วัสดุที่ปลอดภัยโดยเฉพาะเรื่องสีต้องเลือกชนิดที่เป็น Water Base  ไม่มีทินเนอร์ ไม่ใช้สารที่เป็นอันตรายต่อคนและสัตว์ และในส่วนของไม้จากเดิมที่คุณตี๋ทำ Wall Art ด้วยโครงไม้อัด ในช่วงหนึ่งทางประเทศหลักที่เราส่งออกคือสหรัฐอเมริกา ต้องให้เราแสดงใบรับรองคุณภาพของไม้อัดที่เข้าหลักเกณฑ์ของประเทศปลายทาง ซึ่งทางโรงงานผู้ผลิตไม่สามารถให้กับเราได้ เราจึงปรับเปลี่ยนเป็นงานศิลปะบนแคนวาส และใช้โครงไม้สนรีไซเคิลแทน ซึ่งก็ตรงกับ Concept ที่วางไว้ในเรื่อง Eco Product

ก้าวย่างที่มั่นคงตอกย้ำความเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

    นอกจากใบบัว ภูตะวันมีโครงการที่กำลังทำอยู่ในปัจจุบันคือ PANZ4R เป็น Product & Natural 4 R คือ  Redesign  Reuse Reduce  และ Recycle โดยจะนำอาทั้งใบบัว ใบสัก กาบกล้วย มาทำเป็นสินค้ากลุ่ม Stationary และกระเป๋า เช่นกระเป๋าจากใบสักมาผสมผสานกับยางรถยนต์ พยายามมองหาวัสดุใหม่จากธรรมชาติตลอดเวลา เพื่อสร้างความยั่งยืนทั้งในด้านรายได้และสิ่งแวดล้อมที่ดีของท้องถิ่น ปัจจุบันกำลังร่วมมือกับฟาร์มโกโก้ ด้วยการนำใบโกโก้มาทดลอง ซึ่งนอกจากจะได้ใช้วัสดุเหลือใช้ในพื้นที่แล้วยังได้สร้างรายได้เพิ่มให้กับเกษตรกรได้ด้วย 

เตรียมพร้อมเพื่อการส่งต่อ

    เมื่อถามถึงมุมมองงานคราฟต์ คุณเจี๊ยบบอกว่าบางคนยังคิดว่าคราฟต์เป็นของคนรุ่นเก่า แต่จริงๆ แล้วคราฟต์สามารถอยู่ได้ทุกยุคสมัย เพียงแต่เราต้องปรับตัวให้ตอบโจทย์คนในยุคปัจจุบันให้ได้ด้วย นั่นเป็นเหตุผลที่คุณเจี๊ยบและคุณตี๋ มักจะตั้งคำถามกับลูกเพื่อหาคำตอบ ขอความคิดเห็นในมุมมองจากเขาที่เป็นอีกเจนเนอเรชั่น เช่น แม่ทำแบบนี้สวยไหม ราคาแบบนี้ถ้าเป็นลูก ลูกจะซื้อไหม ซึ่งหลายๆ ครั้งก็ได้คำตอบที่ทำให้เธอเปลี่ยนมุมมองในการออกแบบได้เช่นกัน และเหตุผลที่แฝงอยู่คือในขณะที่เราให้อิสระรุ่นลูกศึกษาและหาเส้นทางอาชีพที่เขาชอบ แต่เราก็พยายามดึงให้เขาเข้ามามีส่วนร่วม เผื่อว่าวันหนึ่งในอนาคตเขาอาจเกิดความชื่นชอบ มาสืบทอดหรือสานต่อสิ่งที่พ่อและแม่ทำอยู่ก็เป็นได้ และนอกเหนือจากการส่งต่อในครอบครัว ภูตะวันยังเปิด Workshop เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับผู้คนในด้านงานคราฟต์ ด้วยเช่นกัน  ผู้สนใจสามารถติดต่อได้ในช่องทางที่เราให้ไว้ด้านล่างได้เลยค่ะ

แกลลอรี่

ภูตะวัน

ที่อยู่ : 195 หมู่.6 ตำบลขุนคง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ 50230

Email : [email protected]

Tel : 0850319398

Facebook : https://www.facebook.com/PecharatChinyee 

IG : PECHARATCHINYEE

Tiktok : putawandesign