ร่องรอยบนแผ่นทองเหลือง สู่ความงามสะพรั่งบนเรือนร่าง
และเรื่องราวงานคราฟต์บนรถเทรลเลอร์
สะพรั่ง คือแบรนด์เครื่องประดับทองเหลือง ที่สร้างสรรค์และลงมือทำของคู่รักนักออกแบบ คุณกาเหว่า-สุพจน์ สุวรรณสิงห์ และ
คุณริก้า-สิริการย์ จิรัฎฐ์ภาสกรกุล ผู้หยิบยกเอาความงามอันเรียบง่ายจากสิ่งของรอบกาย ถ่ายทอดออกมาเป็นงานคราฟต์ที่เป็นมากกว่า
เครื่องประดับ
คุณกาเหว่าและและคุณริก้า เรียนจบด้านเครื่องประดับมาโดยตรง ด้วยความถนัดและความชอบ กอปรกับทั้งคู่มีความคิดเรื่องรูปแบบงานคล้ายๆ กัน จึงตัดสินใจร่วมกันทำแบรนด์สะพรั่งขึ้นมา
“เราเลือกใช้ทองเหลืองเป็นวัสดุหลักในการทำเครื่องประดับ
ด้วยความชอบส่วนตัวตั้งแต่สมัยเรียน และมองว่าทองเหลืองมีเสน่ห์
ในตัวของมันเอง ข้อดีคือเวลาทองเหลืองใหม่ๆ จะมีความเงาแวววาว
สวยในแบบหนึ่ง แต่พอปล่อยให้หมอง ก็จะสวยไปอีกแบบ”

ธรรมชาติคือแรงบันดาลใจ
"สะพรั่ง เป็นคำสั้นๆ ความหมายไม่ซับซ้อน เขียนเป็นภาษาอังกฤษ
ก็อ่านง่าย สำหรับคนไทยแล้วเข้าใจได้ มันคือบานสะพรั่งและ
สวยสะพรั่ง เป็นคำพูดติดปากของเรา เวลาพูดจบสรุปกับลูกค้าว่า
งามสะพรั่ง ใส่แล้วสวยสะพรั่ง"
คุณกาเหว่าและคุณริก้าให้ความสำคัญกับชื่อแบรนด์มาก “เราตั้งโจทย์ว่า อยากได้คำที่เชื่อมโยงและสอดคล้องกับสิ่งที่เราทำ ซึ่งก็คือเครื่องประดับ แต่เครื่องประดับนั้นไม่ได้วางอยู่เฉยๆ มันทำหน้าที่อีกทีหนึ่งเมื่ออยู่บนร่างกายมนุษย์ สุดท้ายเราได้คำว่า ‘สะพรั่ง’ เป็นคำสั้นๆ ความหมายไม่ซับซ้อน เขียนเป็นภาษาอังกฤษก็อ่านง่าย สำหรับคนไทยแล้วเข้าใจได้ มันคือบานสะพรั่งและสวยสะพรั่ง เป็นคำพูดติดปาก
ของเรา เวลาพูดจบสรุปกับลูกค้าว่า งามสะพรั่ง ใส่แล้วสวยสะพรั่ง”
เมื่อดูจากรูปแบบการดีไซน์ที่เป็นดอกไม้ ใบไม้ หลายคนคงมองว่ามีแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ แต่คุณริก้าบอกว่า ต้นแบบความคิดบางงานไม่ได้มาจากธรรมชาติ หากแต่เป็นการมองเห็นอะไรบางอย่างที่น่าสนใจ เช่น ชายกระโปรงผู้หญิง เมื่อการตีค่าบวกจินตนาการ ผสานกับความรักในธรรมชาติ จึงออกมามีรูปร่างเหมือนใบไม้ ดอกไม้โดยบังเอิญ หรือบางครั้งความงามเกิดจากปรากฏการณ์ระหว่างทาง ที่ตอนแรก
คาดหวังจะได้ลายแบบหนึ่ง แต่พอทำแล้วกลับได้อีกแบบหนึ่ง ซึ่งมันสวย จึงใช้แบบนั้นทำงานเรื่อยมาก็มี
คุณกาเหว่าเล่าถึงเครื่องประดับรูปทรงเกสรดอกไม้ ที่มีหน้าตาเหมือนกับโลโก้ของแบรนด์ว่า “เครื่องประดับชุดนี้เป็นชุดแรกๆ ของสะพรั่ง มีเป็นเข็มกลัด สร้อยคอ ต่างหู ตั้งใจออกแบบให้เป็นเกสร แต่ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นเกสรของดอกอะไร เราเอามาปรับให้เป็นเกสรในมุมมองของเรา มองแล้วให้ความรู้สึกสะพรั่ง ซึ่งสื่อถึงตัวแบรนด์และชื่อโดยตรง จึงกลายมาเป็นโลโก้ของแบรนด์ ไปด้วย คำว่าสะพรั่งมันต้องให้
ความรู้สึกสวย สว่าง สดชื่น คอลเลกชันนี้ยังขายได้ดีตั้งแต่เริ่มจนปัจจุบัน”


คุณริก้าเสริมว่า “งานของสะพรั่งเป็นงาน Timeless ไม่ได้อิงกระแสแฟชั่น ใส่ได้เรื่อยๆ เราไม่ได้กำหนดว่าลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจะเป็นแบบไหน เราแค่ทำงานตามแบบที่เราอยากทำ งานจะเป็นตัวกำหนดลูกค้าเอง ตอนทำงานไม่ได้คิดว่าใครจะเป็นคนซื้อ จนกระทั่งพอวางขาย ลูกค้าที่เดินเข้ามาจะเป็นคนไม่ชอบงานแมส และให้คุณค่ากับงานคราฟต์ ลูกค้าจะสนุกกับการฟังเราเล่าเรื่องราวของงานแต่ละชิ้น หลายคน
ขอตามไปดูสตูดิโอ แม้ว่าจะรกเพราะของทำงานเยอะ ลูกค้ากลับชอบและมองเป็นเรื่องสนุก”
คุณกาเหว่าและคุณริก้าช่วยกันออกแบบ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันและกัน โดยกระบวนการทำงานขึ้นอยู่กับรูปแบบ เมื่อรูปแบบ
แตกต่างกัน วิธีการและระยะเวลาก็ต่างกันไปด้วย เริ่มจากเลื่อยและปรับแต่งแผ่นทองเหลืองตามแบบที่วางไว้ เทคนิคการทำลวดลายบนชิ้นงานที่สะพรั่งใช้บ่อย จนกลายมาเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ คือการเคาะทำให้เกิดเป็นลายเส้นเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบบนผิวสัมผัส โดยค้อนที่ใช้เคาะถูกออกแบบให้มีลักษณะเป็นเส้น โดยหนึ่งเส้นที่ปรากฏ เกิดจากการเคาะหนึ่งครั้ง ซึ่งต้องใช้ประสบการณ์เพื่อทำให้เกิดลวดลายเรียงตัวสวยงามอย่างที่ผู้เคาะตั้งใจ
ความพิเศษในความเรียบง่าย
"เรามองว่าในธรรมชาติมีความงามอยู่แล้ว ซึ่งเราอยากจะเชิดชูความงามนั้น
โดยอาศัยทักษะที่เรามีอยู่เชื่อมสัมพันธ์กัน"

16 ปีของสะพรั่งบนเส้นทางงานออกแบบ มีรางวัลการันตีคุณภาพถึง 2 ชิ้นจาก Design Excellence (Demark) ได้แก่ ช้อนกรองชา
ทองเหลืองที่นำกระบวนการการทำเครื่องประดับมาคิดต่อยอด และเข็มกลัดจากกิ่งไผ่ เรียบง่ายแต่งดงามในแบบที่มันเป็น ด้วยแนวคิดที่
ไม่มองข้ามสิ่งใกล้ตัวทำให้สะพรั่งคว้า Prime Minister’s Export Award 2017 มาด้วยอีกหนึ่งรางวัลในสาขา Best Design
คุณริก้าเล่าถึงเข็มกลัดจากกิ่งไผ่ว่า ได้มองเห็นกอไผ่เก่าแก่ที่ถูกทิ้งอยู่หลังบ้าน แต่รู้สึกได้ถึงความงามบางอย่าง เลยเก็บกลับมา จนกระทั่งถึงเวลาต้องออกแบบคอลเลกชันใหม่เพื่อส่งเข้าประกวด จึงใช้เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน
“เลือกทำเป็นเข็มกลัดจากวัสดุธรรมชาติ เพราะเข็มกลัดอยู่ในตำแหน่งที่โดนกระทบยาก เรามองว่าในธรรมชาติมีความงามอยู่แล้ว
ซึ่งเราอยากจะเชิดชูความงามนั้น โดยอาศัยทักษะที่มีอยู่เชื่อมสัมพันธ์กัน แล้วสร้างขึ้นมาเป็นอีกสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือเครื่องประดับ เรายกให้ธรรมชาติเป็นตัวเอก ส่วนเราเป็นเพียงกลไกเล็กๆ ในการสร้างให้มันได้ทำหน้าที่ เราคัดสรรส่วนที่เหมาะสมมาทำเป็นชิ้นงาน ข้อดีคือทุกชิ้น
มีลักษณะเฉพาะ ไผ่แต่ละข้อไม่เหมือนกัน ส่วนเรื่องความแข็งแรง เราก็บอกลูกค้าไปตามตรงว่า มันหักได้ เป็นสัจธรรมอย่างหนึ่ง มันทำให้
เราต้องระวังเวลาใช้ สุดท้ายแล้วส่วนหนึ่งหักไป แต่ส่วนที่เหลือคือความแข็งแกร่ง มันจะไม่หักอีก เสน่ห์อีกอย่างหนึ่ง คือ เวลาที่ไม้ไผ่ถูกสัมผัสบ่อยๆ สีของไผ่จะเข้มขึ้น เงางามขึ้น เป็นความงามผ่านกาลเวลา”


สะพรั่งในทุกย่างก้าว
"ช่วงโควิดทุกคนได้รับผลกระทบกันหมด แต่ก็ยังมีลูกค้าบางราย
ส่งงานมาให้ทำเรื่อยๆ ประชุมออกแบบทางออนไลน์
เราใช้ช่องทางออนไลน์มากขึ้น"
ช่วงวิกฤตโรคระบาดโควิด – 19 การส่งออกหยุดชะงัก ลูกค้าต่างชาติทั้งค้าปลีกและค้าส่ง รวมทั้งนักท่องเที่ยวก็หายไปหมด กระทบต่อ
ยอดขายของสะพรั่งอย่างเห็นได้ชัด คนไม่กล้าใช้เงิน เกิดอาการช็อคของผู้บริโภค
“การปรับตัวแรกที่เราพยายาม คือทำการตลาดออนไลน์ ซึ่งได้ผลตอบรับอย่างดี ถึงเราจะไม่ค่อยถนัดในเรื่องนี้ แต่ก็ผ่านมาได้ ส่วนหนึ่งมาจากฐานลูกค้าเดิมที่มี และสินค้าของเรามีเอกลักษณ์ ทำให้กลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใหม่ มีความชัดเจนไปด้วย”

คงจะดี ถ้าเรามีที่ทำงานไปได้กับเราทุกที่
"รถเป็นเหมือนเป็นการส่งเสริมการขายอย่างหนึ่ง ที่ดึงดูดให้คน
เข้ามาทักทาย จากเดิมลูกค้าเครื่องประดับส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง
ขยายวงกว้างสู่กลุ่มผู้ชายมากขึ้น ด้วยการเริ่มต้นบทสนทนาเรื่องรถ
เกิดการพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน จนนำไปสู่งานของสะพรั่ง"
เมื่อมีเวลาว่างในช่วงโควิด ความคิดต่างๆ ที่เคยคิดไว้ก็ได้เวลาเอาออกมาสานต่อ เริ่มจากทั้งคู่ชอบการเดินทาง แรงบันดาลใจหลายอย่างจึงเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง พอมีความคิดอะไรผ่านเข้ามา จะลงมือทดลองทำทันที จึงเป็นที่มาของสตูดิโอเคลื่อนที่บนรถเทลเลอร์ พรั่งพร้อม
ด้วยอุปกรณ์สร้างสรรค์ผลงาน แล้วการเดินทางครั้งใหม่ก็เริ่มต้นอีกครั้ง สะพรั่งเลือกที่จะเคลื่อนเข้าหาคนในวันที่ทุกอย่างถูกล็อกดาวน์
ทั้งคู่พาสตูดิโอเคลื่อนที่ไปด้วยกันทุกที่ที่ใจพาไป ทั้งออกร้านและเปิดเป็นร้านขายของชั่วคราวในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ตลาดจริงใจ เชียงใหม่
คุณริก้าบอกว่ารถเป็นเหมือนเป็นการส่งเสริมการขายอย่างหนึ่ง ที่ดึงดูดให้คนเข้ามาทักทาย จากเดิมลูกค้าเครื่องประดับส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ขยายวงกว้างสู่กลุ่มผู้ชายมากขึ้น ด้วยการเริ่มต้นบทสนทนาเรื่องรถ เกิดการพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน จนนำไปสู่งานของสะพรั่ง แล้วกลายมาเป็นลูกค้าในที่สุด



นอกจากนี้สะพรั่งยังมีทำแบรนด์เสื้อผ้า Rika items เพิ่มเติม ซึ่งต่อยอดมาจากงานอดิเรก เพื่อเชื่อมโยงและช่วยเสริมให้เครื่องประดับ
ดูโดดเด่นบนเสื้อผ้าดีไซน์เรียบง่ายแต่ใส่ใจเรื่องการตัดเย็บ
สะพรั่งยังคงเบ่งบานไม่หยุดยั้ง คุณริก้าตั้งเป้าหมายต่อไปว่า จะทำนิทรรศการของตัวเอง ออกคอลเลกชันใหม่ และเพิ่มไลน์สินค้า ซึ่งทั้งหมดยังคงอยู่ในพื้นฐานของทักษะและเทคนิคด้านการทำเครื่องประดับ ก่อนหน้านี้ได้ลองทำเป็นช้อนกรองชา ก็ได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี
จนได้รับรางวัล และตัวห้อยเพดานซึ่งพัฒนามาจากต่างหูที่ทำอยู่แล้ว เอามาขยายขนาดเพื่อการตกแต่ง เปลี่ยนวัสดุเป็นเหล็กเพื่อลดต้นทุนให้กับลูกค้า ล่าสุดที่งาน Bangkok Design Week 2022 ได้นำโคมไฟห้อยเพดานมาจัดแสดง มีคนสนใจเป็นอย่างมาก ทำให้มองเห็นโอกาสต่อยอดความคิดได้อีก จึงวางแผนจะขยายรูปแบบเพิ่มเติม ไปในทางของตกแต่งบ้านเพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นจากเดิม
แม้ว่าการทำออนไลน์จะสำคัญ แต่คุณริก้าก็มองว่าออฟไลน์ก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน สำหรับคนทำงานคราฟต์ เพราะเป็นงานที่มีมูลค่าจากกระบวนการทำ ควรค่าที่ผู้บริโภคจะต้องได้มาหยิบจับ สัมผัส ได้เห็นของจริง ได้ลองใช้ เช่น ต่างหู ถึงแม้จะแบบเดียวกัน แต่ไม่ได้เหมาะกับทุกคน ต้องพิจารณารูปหน้า ทรงผม ประกอบด้วย เป็นเสมือนก้าวแรกที่ได้ทำความรู้จักกันระหว่างคนทำงานคราฟต์กับลูกค้า เมื่อ
รู้จักกันแล้ว ขั้นต่อไปในการทำออนไลน์ก็เป็นเรื่องง่าย
“สะพรั่งกำลังจะมีหน้าร้านเร็วๆ นี้ที่ตลาดจริงใจ ตั้งใจจะเอาไว้รองรับในสิ่งที่เราคิดไว้ เราจะทำมากกว่าเครื่องประดับ เช่น ประติมากรรมบนผนัง ตัวห้อยเพดาน โคมไฟ เพิ่มแบบเสื้อผ้า ออกแบบเครื่องประดับที่เกี่ยวกับของแต่งกายให้มากขึ้น ให้ครบวงจรมากขึ้น เพราะเราเรียนรู้ว่าการทำอะไรเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในยุคโควิด”
ใส่ใจด้วยคุณค่า
ทั้งคู่ทิ้งท้ายไว้ว่า “งานคราฟต์เป็นงานที่ต้องใส่ใจ อาจจะไม่ได้ทำด้วยมือ 100 เปอร์เซ็นต์ อาจจะมีเครื่องจักร มีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยก็ได้ ขึ้นอยู่กับกระบวนการคิด กระบวนการทำและความใส่ใจ ภาคเหนือมีเสน่ห์ด้านงานคราฟต์ พอพูดถึงงานคราฟต์ทุกคนจะนึกถึงเชียงใหม่ เรามองว่าเชียงใหม่มีบรรยากาศของบ้านเมือง ภาษา วิถีวัฒนธรรมในการทำงานฝีมือมากมายหลายแขนง คนในชุมชนมีรากเหง้าสืบทอดต่อกันมา
สู่คนรุ่นใหม่ เกิดเป็นความร่วมมือในเชิงสร้างสรรค์ แลกเปลี่ยนความรู้และเทคนิค ช่วยต่อยอดและขยายฐานลูกค้างานคราฟต์ให้ไปได้อีกไกล”



“การที่ลูกค้าได้เห็นการทำงานของเรา เขาจะรู้สึกว่าเราเป็นตัวจริง
ลูกค้างานคราฟต์ไม่ได้มองแค่ว่างานสวยเพียงอย่างเดียว
แต่จะรู้สึกชื่นชมในขั้นตอนการทำที่ต้องใช้ฝีมือและความชำนาญ
เกิดเป็นคุณค่าที่เราไม่ต้องอธิบาย”
แกลลอรี่
Saprang Craft Jewelry
ที่ตั้ง : ตลาดจริงใจ มาร์เก็ต
โทรศัพท์ : 064 419 2619
Facebook : SaprangCraftedJewelry
Instagram: instagram.com/saprang_jewelry
Email: [email protected]